กระเบื้องแกรนิตโต้

กระเบื้องแกรนิตโต้ (Granito) คือ กระเบื้องเซรามิกที่ทำเลียนแบบหินแกรนิต มีหลากสีหลายขนาดให้เลือก ตัวกระเบื้องมีความแข็งแกร่ง เนื่องจากผ่านกระบวนการเผาที่อุณหภูมิสูง สามารถปูได้ทั้งพื้นและผนัง ซึ่งกระเบื้องแกรนิตโต้สามารถเรียกอีกอย่างได้ว่า “Homogeneous Tile” มีข้อดีตรงที่มีผิวหน้าและเนื้อกระเบื้องเป็นเนื้อเดียวกันตลอดทั้งแผ่น หากเกิดการสึกหรอหรือมีรอยขีดข่วนจะสังเกตเห็นได้ยาก (ในขณะที่กระเบื้องเซรามิกทั่วไปจะมีสีและลวดลายเฉพาะบนผิวหน้าเท่านั้น หากเกิดรอยขีดข่วนลึกถึงเนื้อกระเบื้องจะมองเห็นได้

กระเบื้องแกรนิตโต้ มีทั้งส่วนที่เหมือนและส่วนที่ต่างกันกับกระเบื้องเซรามิคทั่วไป  ที่เหมือนกันก็คือการเผาเนื้อกระเบื้องด้วยความร้อน  ส่วนที่ต่างคือ ในเนื้อกระเบื้อง จะผสมผงหินแกรนิตโต้บดที่ได้จากหินแกรนิตธรรมชาติลงไปด้วย และใช้อุณหภูมิความร้อนสูงตั้งแต่ 1200-3000 องศาเซลเซียส เผาจนได้เป็นกระเบื้องเซรามิคเนื้อแกร่ง มีรูพรุนในเนื้อกระเบื้องน้อย ทำให้กระเบื้องดูดซึมน้ำ ความชื้นหรือสิ่งสกปรกเข้าไปในเนื้อกระเบื้องได้น้อยกว่าหินอ่อนหรือหินแกรนิตแท้ๆ  และหลังจากที่ปูเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ไม่ต้องเสียเวลาขัดเงาผิวหน้าอีกด้วย เพราะกระเบื้องแกรนิตโต้ จะเคลือบหน้ามาให้เรียบร้อยเลย ช่วยประหยัดเงินในส่วนงานขัดพื้น

กระเบื้องแกรนิตโต้ สามารถปูได้ทั้งพื้นและผนัง ใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร กระเบื้องแกรนิตโต้สามารถนำไปตกแต่งได้ทุกที่ตามความต้องการของคุณ

ขนาดของกระเบื้องแกรนิตโต้ มีหลายรุ่น หลายขนาดขึ้นอยู่กับแต่ละโรงงานผู้ผลิต เช่น รุ่น 30*60 ซม. สำหรับงานปูผนัง รุ่น 60*60 ซม. หรือ 80*80 ซม. สำหรับปูพื้น สามารถปูได้พื้นที่กว้าง รอยต่อระหว่างแผ่นน้อยกว่ากระเบื้องทั่วไป  แต่ในเรื่องความหนา กระเบื้องแกรนิตโต้จะหนากว่ากระเบื้องทั่วไป  ถ้าเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาดทั่วไปแล้วจะหนาประมาณ 8 มม. ส่วนกระเบื้องทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 6 มม.

การติดตั้งกระเบื้องแกรนิตโต้ควรใช้กาวซีเมนต์คุณภาพสูงที่มีส่วนผสมของสารโพลีเมอร์ เพื่อยุติปัญหาการโก่งหรือการดีดตัวของกระเบื้องได้ในภายหลังการใช้งาน

• ข้อควรระวัง แนะนำทาน้ำยาซิลิโคนใส (SILICONE WATER REPELLANT) ก่อนยาแนว เพื่อป้องกันคราบปูนยาแนว ฝังบนผิวกระเบื้องแกรนิตโต้และหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของกรดต่างๆ เช่น กรดไฮโดรคลอริก (กรดเกลือ) กรดซัลฟิวริก (กรดกำมะถัน) เป็นต้น

• ควรใช้ผ้านุ่มชุบน้ำเปล่าเช็ดถูเฉพาะจุด 
• สามารถล้างขัดด้วยแปรง หรือแผ่นสก็อตไบร์ท
• กวาดพื้นหรือดูดฝุ่นให้สะอาด เช็ดถูทำความสะอาดด้วยน้ำสะอาดผสมกับน้ำยาถูพื้น
• หากเกิดคราบขาวจากคราบน้ำปูน ทำความสะอาดด้วยน้ำส้มสายชูเทียม หรือกรดเกลือ
• ตกแต่ง ร่องที่ยาแนวให้เต็ม เพื่อความคงทนแข็งแรงและยืดอายุการใช้งาน